เลือกหน้า

สาส์นจากประธานกรรมการ

สาส์นจากประธานกรรมการ

เรียน ผู้ถือหุ้นทุกท่าน

แม้ว่าประเทศไทยจะยังคงเผชิญกับสถานการณ์ความท้าทายจากความผันผวนทางเศรษฐกิจ สงครามที่ยืดเยื้อ และต้นทุนในการดำรงชีวิตที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการแข่งขันกันอย่างดุเดือดทางเทคโนโลยีของโลกธุรกิจสำหรับ TSE เรามีความเชื่อมั่นในศักยภาพ ความพร้อมในการดำเนินธุรกิจ และการปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์ โดยจะเห็นได้จากปีที่ผ่านมาบริษัทประสบผลสำเร็จในหลายด้าน อาทิ ได้รับคัดเลือกเป็นผู้ผลิตและขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้กับรัฐบาลตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เพื่อพัฒนาและดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน จำนวนทั้งสิ้น 7 โครงการ กำลังการผลิตเสนอขายรวม 88.66 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ยังได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ “BBB-” แนวโน้มอันดับเครดิตที่ระดับ “คงที่ (Stable)” จาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด การจัดอันดับเครดิตองค์กรดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเตรียมความพร้อมด้านแหล่งเงินทุนเพื่อรองรับการขยายธุรกิจและการลงทุนในอนาคต ในด้านของการบริหารงาน กลุ่มบริษัทฯ บริหารงานโดยยึดหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Good Corporate Governance) มีธรรมาภิบาลโปร่งใส บริหารงานด้วยความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสียทุุกฝ่ายใส่ใจ สิ่งแวดล้อมและสังคม ( Environmental, Social, Governance : ESG ) รวมถึงการสนับสนุุนต่อต้านการทุุจริตคอร์รัปชั่นควบคู่ไปกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืนด้วยการลดปริมาณการใช้ทรัพยากร ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas Emissions: GHG) ซึ่งสอดรับกับเป้าหมายสำคัญของประเทศไทยคือมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2608

ณ สิ้นปี 2566 กลุ่มบริษัทฯ มีโครงการที่ดำเนินการอยู่ในประเทศไทย รวม 41 โครงการ รวมกำลังการผลิตเสนอขายทั้งสิ้น 241.86 เมกะวัตต์ โดยมีโครงการที่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์แล้วทั้งสิ้น 34 โครงการ กำลังการผลิตเสนอขายรวม 153.2 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างดำเนินการของโครงการ Solar Big Lot 7 โครงการ กำลังการผลิตเสนอขาย 88.66 เมกะวัตต์

กลุ่มบริษัทฯ ยังคงดำเนินแผนกลยุทธ์ที่ได้วางไว้อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 มีแผนการดำเนินงานโดย 1) เตรียมเข้าร่วมยื่นคำเสนอขายไฟฟ้าในโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565–2573 สำหรับกลุ่มโรงไฟฟ้าประเภทไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิงรอบที่ 2 และรอบที่ 3 โดยตั้งเป้าหมายอยู่ที่ 100 – 150 เมกะวัตต์ 2) ขยายการดำเนินงานไปในธุรกิจ Private PPA (Private Power Purchase Agreement) หรือการซื้อขายพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ระหว่างภาคเอกชนแบบครบวงจร ทั้งในรูปแบบติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) และแบบติดตั้งบนผืนน้ำ (Solar Floating) 3) มีแผนที่จะทำการเข้าซื้อกิจการ (Mergers and Acquisitions : M&A) ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต ส่วนแบ่งทางการตลาด และสร้างโอกาสในการเติบโตให้กับบริษัทฯ 4) จับมือกับพันธมิตรในรูปแบบกิจการร่วมค้า (Joint Venture) โดยมุ่งเน้นโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนในประเทศไทย และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในต่างประเทศ 5) เข้าทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในโครงการใหม่ สายธุรกิจ Health Care กับพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำธุรกิจ Wellness เริ่มตั้งแต่การให้กำเนิดบุตร การรักษา และการป้องกัน เพื่อนำไปสู่ผลลัพธ์ของการมีสุขภาพดีแบบองค์รวม ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตตามสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นในระยะยาว

ทั้งนี้ ในนามของคณะกรรมการและผู้บริหารขอขอบคุณ ผู้ถือหุ้น พันธมิตรทางธุรกิจ สถาบันการเงิน หน่วยงานภาครัฐ และเอกชนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่ให้ความเชื่อมั่นและสนับสนุนบริษัทเสมอมาและที่สำคัญขอขอบคุณพนักงานของบริษัททุกท่าน ท้ายที่สุดนี้ขอให้ทุกท่านเชื่อมั่นว่าบริษัทจะยังคงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจภายใต้หลักจริยธรรม แนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดีตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน

ดร.แคทลีน มาลีนนท์

ประธานกรรมการบริษัท